บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 7 ม.ค.65 by SCT GT HGF CAF YLG MTS
โดย : บริษัท ซินเนอร์จี้ คอมโมดิตี้ส์ เทรด จํากัด
คำแนะนำ : ทองผันผวนปิดแดนลบพักฐานต่อ ต้องลุ้น NFP คืนนี้ต่อ แนะรอ BUY
แนวรับ 1785/ 1780 / 1770 แนวต้าน 1800 |1810|1820
Gold/silver USD Baht DOW (stock)
ระยะสั้น SW/SW DOWN Sw UP SW SW UP
ระยะกลาง SW/SW UP SW /SW UP SW SW UP
ระยะยาว BULLISH Neutral WEAK BULLISH
คำแนะนำรายวัน SIDEWAYS 1775-1805
จุดเข้า BUY 1770-80
เป้าหมาย 1800-15
SL 1750รายสัปดาห์
คำแนะนำรายเดือน 1750-1900
จุดเข้า BUY 1765-80 เป้าหมาย 1870-1900
SL 1750
บทวิเคราะห์ : ทองและหุ้นพักฐานหลังผลประชุมเฟดยังยืนยันจะใช้มาตราการลดวงเงินและขึ้นดอกเบี้ย ดีที่ได้ค่าเงินบาทอ่อนค่าไวเพราะรัฐบาลไทยยกระดับการคุมโควิดเป็นระดับ 4 หวั่นเอาโคมิครอนไม่อยู่ ภาพรวมทองพักฐานแต่ไม่น่ากลัวเพราะบาทอ่อนช่วย ทำให้การย่อตัวลงชุดนี้แนะให้ทยอยกลับมาซื้อสะสมช่วงราคาทองไทยลงแรงๆ หรือซื้อเพื่อเล่นสั้น โดยคืนนี้จะมีตัวเลขการจ้างนอกภาคการเกษตร NFP ที่คาดว่าจะดีชึ้น ซึ่งจะทำให้ราคาทองผันผวน ไปในแนวลงๆขึ้นๆ ไปมา สวนกับค่าเงินสหรัฐฯที่แข็งค่า
กลยุทธ์ : คนอยากซื้อรอราคาลงแรงทยอยเก็บ / คนติดราคาซื้อเฉลี่ยรอเด้งลดพอร์ต แล้วมารอซื้อคืน / คนเล่นฝั่งขายหาทางปิดเอากำไร / ค่าเงินบาทอ่อนค่าระยะสั้น แต่โดยรวมยังผันผวนขึ้นๆลงๆ แต่ก็ดีทำให้เทรดระยะสั้นๆได้ง่าย / รอตัวเลขสำคัญคืนนี้ ค่อยเพิ่มน้ำหนักการลงทุน สัปดาห์หน้ามีตัวเลขเงินเฟ้อและเฟดแถลงการณ์
โดย : บริษัท จีที โกลด์ บูลเลี่ยน จำกัด
Fundamental
- ปัญหาสภาพคล่องหดหายจากการที่ Fed ดึงเงินออกยังคงกดดันตลาดหุ้นและสินทรัพย์เพื่อการเก็งกำไรทุกประเภท โดยตลาดได้ปรับตัวรับกับข่าวไปบ้างแล้ว แต่ทองคำยังถูกกดลงต่อจากแนวโน้มดอลลาร์แข็งค่า
- จำนวนผู้ขอสวัสดิการว่างงานสหรัฐฯเมื่อสัปดาห์ก่อนสูงขึ้นเล็กน้อย แต่มากกว่าที่คาดการณ์ไว้
- ซาอุฯจะลดราคาขายส่งน้ำมันทุกเกรดให้ลูกค้าเอเชียในเดือนก.พ.ลงอย่างน้อยบาร์เรลละ1.10 ดอลลาร์ แม้ OPEC+ กำลังเผชิญปัญหาด้านการผลิตในลิเบีย
Technical
- ราคาทิ้งตัวต่อเนื่องจาก1,830จนหลุดเส้น MA ทิศทางระยะสั้นกลายเป็นขาลงสู่ช่วง 1,750-1,760
- 1,800 เปลี่ยนจากแนวรับกลายเป็นแนวต้านRSI ถึงเขต oversold จึงน่าจะรีบาวด์สั้น ๆ แล้วลงต่อ
- ทิศทางวันนี้ขึ้นไม่ไหว
- จับจังหวะเล่นยังไง?trading short
Attention
- รัฐบาลสหรัฐฯจะมีเงินใช้จ่ายไปถึง 18 ก.พ.
- ดอกเบี้ยโลกมีแนวโน้มจะปรับขึ้นเร็วกว่าคาดเพราะการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่เกิดจากการอัดฉีดสภาพคล่องทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อต่อเนื่องยาวนาน ซึ่งต้องรอดูความชัดเจนว่ารอบนี้นักลงทุนจะเลือกทองคำหรือเงินคริปโตเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยมากกว่ากัน
โดย : บริษัท ฮั่วเซ่งเฮง โกลด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด(HGF)
ทองปิดลบในระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์
คืนนี้สหรัฐจะเปิดเผยค่าจ้างเฉลี่ยต่อชั่วโมงเดือนธ.ค.
แนวโน้มราคาทองคำ Spot คาดฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อย
- ราคาทองคำ Spot เมื่อวานนี้ปรับตัวลดลงในระดับต่ำสุดในรอบ 2 สัปดาห์ ซึ่งได้รับแรงกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ รวมถึงอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐปรับตัวขึ้น ซึ่งนักลงทุนยังซึมซับที่เฟดอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ และจะเริ่มปรับลดขนาดงบดุล ทางด้านข้อมูล CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนคาดการณ์ว่าเฟดมีแนวโน้ม 71% ในการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนมี.ค. อย่างไรก็ตามในคืนนี้นักลงทุนจับตาตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรสหรัฐ ทางด้านกองทุน SPDR Gold Trust ขายทองคำสุทธิ 1.17 ตันจากเมื่อวาน
- คืนนี้สหรัฐจะเปิดเผยค่าจ้างเฉลี่ยต่อชั่วโมงเดือนธ.ค. ตลาดคาดว่าจะเพิ่ม 0.4% หลังจากที่เพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนพ.ย. การจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนธ.ค. ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 426,000 ราย หลังจากที่เพิ่มขึ้น 210,000 รายในเดือนพ.ย. และอัตราการว่างงานเดือนธ.ค. ตลาดคาดว่าจะเพิ่มขึ้น 4.1% จากเพิ่มขึ้น 4.2% ในเดือนพ.ย.
- แนวโน้มราคาทองคำ Spot คาดฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อย อย่างไรก็ตามหากไม่ผ่านแนวต้าน 1,800 ดอลลาร์ราคาทองคำมีโอกาสปรับลดลงได้ต่อ โดยมีแนวต้าน 1,800 ดอลลาร์ และ 1,815 ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวรับที่ 1,780 ดอลลาร์ และ 1,770 ดอลลาร์
ราคาทองตลาดโลก
Close | chg. | Support | Resistance |
1,790.70 | -19.0 | 1,780/1,770 | 1,800/1,815 |
ราคาทองแท่ง 96.5%
Close | chg. | Support | Resistance |
28,550 | -50 | 28,400/28,250 | 28,750/28,850 |
โกลด์ฟิวเจอร์ส
Close | chg | Support | Resistance |
28,580 | -20 | 28,420/28,270 | 28,720/28,840 |
แนะนำเข้าซื้อเมื่อราคาทอง Spot ปรับลงมาที่ 1,780 ดอลลาร์ (GF 28,420 บาท) โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,770 ดอลลาร์ (GF 28,270 บาท)
โกลด์ออนไลน์ฟิวเจอร์
Close | chg | Support | Resistance |
1,792.20 | -6.50 | 1,781/1,771 | 1,801/1,816 |
แนะนำเข้าซื้อเมื่อราคา GOH22 ปรับลงมาที่ 1,781 ดอลลาร์ โดยมีจุดขายตัดขาดทุนที่ 1,771 ดอลลาร์
ค่าเงิน
ทิศทางค่าเงินบาทกลับมาอ่อนค่าเมื่อวานนี้ ปัจจัยที่หนุนให้ค่าเงินบาทอ่อนค่ามาจากสกุลเงินดอลลาร์แข็งค่า หลังเฟดอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าคาดการณ์ไว้ ทำให้ค่าเงินบาทอ่อนค่าตามทิศทางตลาดโลก นอกจากนี้สถานการณ์การควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ภายในประเทศได้ส่อยกระดับมาตรการที่เข้มงวดมากขึ้น ส่วนแนวโน้มค่าเงินบาทคาดว่าอ่อนค่ามายังบริเวณ 33.60 บาท/ดอลลาร์ สำหรับ USD Futures เดือนมี.ค.65 คาดจะมีแนวรับที่ 33.23 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่มีแนวต้านที่ 33.70 บาท/ดอลลาร์
News
เฟดส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยเร็วกว่าคาด-ลดถือครองสินทรัพย์ หวังสกัดเงินเฟ้อ
ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) เปิดเผยรายงานการประชุมประจำเดือนธ.ค.ในวันพุธ (5 ม.ค.) โดยระบุว่า ตลาดแรงงานของสหรัฐอยู่ในภาวะตึงตัวอย่างมาก ซึ่งไม่เพียงแต่ทำให้เฟดต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้เท่านั้น แต่ยังรวมถึงการปรับลดการถือครองสินทรัพย์ทั้งหมดด้วย โดยมีเป้าหมายที่จะสกัดการพุ่งขึ้นของอัตราเงินเฟ้อ “กรรมการเฟดส่วนใหญ่มีความเห็นว่า เมื่อพิจารณาจากแนวโน้มเศรษฐกิจ, ภาวะตลาดแรงงานและเงินเฟ้อ ก็ถือเป็นเรื่องเหมาะสมที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น (Federal Funds Rate) ในเวลาที่รวดเร็วขึ้น หรือรวดเร็วกว่าที่กรรมการเฟดคาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ ขณะที่กรรมการเฟดบางส่วนมองว่า เป็นเรื่องที่เหมาะสมที่จะเริ่มปรับลดขนาดงบดุลบัญชี (Balance Sheet) ของเฟดในทันทีหลังจากที่มีการเริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย” เฟดระบุในรายงานการประชุมประจำวันที่ 14-15 ธ.ค. 2564 รายงานการประชุมยังระบุด้วยว่า ในการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยนโยบายของเจ้าหน้าที่เฟด (Dot Plot) บ่งชี้ว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกจะเกิดขึ้นรวดเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ โดยคาดว่าจะเกิดขึ้นในเดือนมิ.ย. 2565 จากเดิมที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในไตรมาสแรกของปี 2566
ที่ปรึกษา CDC ลงมติหนุนฉีดไฟเซอร์-ไบออนเทคเข็มบูสเตอร์แก่เด็ก 12-15 ปี
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า คณะกรรมการที่ปรึกษาด้านแนวทางสร้างภูมิคุ้มกันโรค (ACIP) ได้ลงมติ 13 ต่อ 1 เพื่อแนะนำให้ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของสหรัฐ สนับสนุนการฉีดวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 เข็มบูสเตอร์ของบริษัทไฟเซอร์ อิงค์ และไบออนเทค เอสอี ให้แก่เด็กอายุ 12-15 ปี อย่างน้อย 5 เดือนหลังจากได้รับเข็ม 2 แล้ว ACIP ยังระบุด้วยว่า CDC ควรสนับสนุนคำแนะนำให้ฉีดวัคซีนเข็มบูสเตอร์ให้กับวัยรุ่นอายุ 16-17 ปีด้วย โดยก่อนหน้านี้ทาง CDC อนุมัติให้วัยรุ่นช่วงอายุดังกล่าวสามารถฉีดวัคซีนเข็มบูสเตอร์ได้แล้ว แต่ไม่ได้ให้คำแนะนำว่า วัยรุ่นกลุ่มดังกล่าวควรได้รับการฉีดวัคซีนเข็มบูสเตอร์ ทั้งนี้ ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในสหรัฐพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เนื่องจากสายพันธุ์โอมิครอนมีการแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว ตลอดจนพนักงานและเด็กนักเรียนจำนวนมากกลับมาทำงานหรือเรียนหนังสือตามปกติหลังผ่านพ้นช่วงวันหยุด ทำให้ระบบสาธารณสุขเสี่ยงแบกรับภาระหนัก กิจการและโรงเรียนต่าง ๆ ส่อแววต้องปิดทำการสูงขึ้น ข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขของอิสราเอลที่นำเสนอในที่ประชุมชี้ให้เห็นว่า เด็กอายุ 12-15 ปีที่ได้รับวัคซีนเข็ม 2 ไปแล้ว 5-6 เดือนนั้น ติดเชื้อโอมิครอนในอัตราเดียวกับเด็กที่ไม่ได้รับวัคซีน หลังจากได้รับเข็มบูสเตอร์แล้ว อัตราการติดเชื้อลดลงอย่างรวดเร็ว
แพทย์ใหญ่ทำเนียบขาวเตือนสหรัฐอย่าประมาทไวรัสโอมิครอน
นายแพทย์แอนโทนี เฟาชี แพทย์ใหญ่ประจำคณะทำงานด้านการควบคุมโรคโควิด-19 ของทำเนียบขาว กล่าวว่า สหรัฐไม่ควรประเมินไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนต่ำเกินไป แม้ไวรัสดังกล่าวมีความรุนแรงน้อยกว่าสายพันธุ์เดลตา องค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุก่อนหน้านี้ว่า มีหลักฐานมากขึ้นที่แสดงว่าไวรัสโอมิครอนส่งผลกระทบต่อระบบทางเดินหายใจส่วนบนเท่านั้น ซึ่งทำให้ไวรัสดังกล่าวมีความรุนแรงน้อยกว่าสายพันธุ์อื่น นายแพทย์เฟาชีกล่าวว่า “แม้ไวรัสโอมิครอนจะมีความรุนแรงไม่มากนัก แต่ก็มีความสามารถแพร่ระบาดมากกว่าสายพันธุ์อื่น ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อระบบสาธารณสุข ทำให้โรงพยาบาลไม่มีจำนวนเตียงเพียงพอในการรองรับผู้ป่วยจำนวนมาก และทำให้เกิดผลกระทบที่รุนแรงในที่สุด” สหรัฐติดอันดับ 1 ของโลกทั้งจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และผู้เสียชีวิต โดยมีผู้ติดเชื้อสะสมมากกว่า 58 ล้านราย และเสียชีวิตมากกว่า 850,000 ราย
โดย : บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน คลาสสิก ออสสิริส จำกัด (CAF)
Reasons ปัจจัยกระทบทองคำ
-ทิศทางการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯมีโอกาสปรับขึ้น 3 ครั้งในปี 2022 หากวันนี้สหรัฐฯประกาศ Non Farm และ Unemployment Rate ขยายตัวเท่ากันนักลงทุนจะได้คำยืนยันว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯมีโอกาสปรับขึ้นดอกเบี้ยตามที่คาดการณ์ปัจจัยดังกล่าวส่งให้ดอลลาร์สหรัฐฯกดราคาทองคำ
Day Trade
GOH22Hold Short เป้าหมาย 1750-1780 จุด Stop 1,810
GF10G22 Short 28,650 เป้าหมาย 28,400-28,500 จุด Stop สิ้นวัน 28,700
Trend Trade ใช้ราคาปิดสิ้นวัน
GOH22 Hold Short จุด Stop 1,814
GF10G22 Hold Short จุด Stop 28,700
โดย : บริษัท วายแอลจี บูลเลี่ยน แอนด์ ฟิวเจอร์ส จำกัด (YLG)
คำแนะนำ
ขายทำกำไรระยะสั้นตามกรอบราคา ระหว่างวันหากราคาทองคำไม่ผ่านแนวต้าน1,800-1,807 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้อาจจะเห็นการอ่อนตัวลงทดสอบแนวรับบริเวณ 1,779-1,776 ดอลลาร์ต่อออนซ์
แนวรับ : 1,776 1,764 1,751 แนวต้าน : 1,807 1,821 1,834
ปัจจัยพื้นฐาน
ราคาทองคำวานนี้ปรับตัวลดลงต่ออีก 19.00 ดอลลาร์ต่อออนซ์ โดยยังคงได้รับแรงกดดันอย่างต่อเนื่องหลังจากรายงานการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ(เฟด)บ่งชี้ว่า เฟดอาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ พร้อมส่งสัญญาณว่าจะเริ่มปรับลดขนาดงบดุลหลังจากที่ได้เริ่มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแล้ว ตอกย้ำแนวโน้มดังกล่าวด้วยถ้อยแถลงในเชิง Hawkish ของเจ้าหน้าที่ระดับสูงของเฟดอาทิ นายเจมส์ บูลลลาร์ด ประธานเฟดเซนต์หลุยส์ ที่กล่าววานนี้ว่า เฟดอาจขึ้นอัตราดอกเบี้ยทันทีในเดือนมีนาคม และขณะนี้อยู่ในสถานะ “ดี” ที่จะดำเนินการเชิงรุกมากขึ้นเพื่อควบคุมเงินเฟ้อ ส่วนนางแมรีดาลีประธานเฟดซานฟรานซิสโกซึ่งเป็นหนึ่งในกรรมการสายพิราบกล่าวเช่นกันว่าตลาดแรงงาน “แข็งแกร่งมาก” และอัตราเงินเฟ้อที่สูงได้สร้างผลกระทบโดยเฉพาะผู้มีรายได้น้อย ทำให้เฟดควรขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ แม้เตือนว่าเฟดควรจะขับเคลื่อนนโยบายด้วยข้อมูลและการ”วัดผล”ก็ตาม ปัจจัยที่กล่าวมาหนุนดัชนีดอลลาร์ให้แข็งค่าขึ้น พร้อมกับหนุนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ10ปีให้พุ่งขึ้นเหนือระดับ1.75% จนเป็นปัจจัยกดดันทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ไม่ได้ให้ผลตอบแทนในรูปแบบของดอกเบี้ยเพิ่ม นั่นทำให้ราคาทองคำร่วงลงหลุด 1,800 ดอลลาร์ต่อออนซ์ และปรับตัวลงต่อจนแตะระดับต่ำสุดในรอบกว่า 2 สัปดาห์บริเวณ 1,786.10 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ถึงแม้ว่าการเปิดเผยตัวเลขเศรษบกิจสหรัฐวานนี้ อาทิ ยอดขาดดุลการค้า, ดัชนี PMI ภาคการบริการจาก ISM และจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์จะออกมาแย่เกินคาดก็ตาม ด้านกองทุน SPDR ถือครองทองคำลดลง -1.17 ตัน สำหรับวันนี้จับตาการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร, อัตราการว่างงานและรายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมงแรงงานของสหรัฐ
ปัจจัยทางเทคนิค :
หากราคาทองคำไม่สามารถยืนเหนือโซน 1,800-1,807 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้ อาจทำให้เกิดการอ่อนตัวลงของราคาทดสอบแนวรับโซน 1,779-1,776 ดอลลาร์ต่อออนซ์ แต่หากไม่สามารถยืนเหนือโซนแนวรับแรกได้ก็จะเห็นการอ่อนตัวลง โดยมีโอกาสที่จะราคาทดสอบแนวรับถัดไปบริเวณ 1,764 ดอลลาร์ต่อออนซ์
กลยุทธ์การลงทุน :
เน้นการเก็งกำไรระยะสั้น แนะนำรอดูบริเวณ 1,800-1,807 ดอลลาร์ต่อออนซ์ หากไม่ผ่านสามารถเปิดสถานะขายทำกำไรระยะสั้น (ตัดขาดทุนสถานะขายหากราคาผ่าน 1,821 ดอลลาร์ต่อออนซ์ได้) ทยอยซื้อคืนเพื่อปิดสถานะขายเพื่อทำกำไรเมื่อราคาอ่อนตัวลงบริเวณแนวรับ1,779-1,776 ดอลลาร์ต่อออนซ์
ข่าวสารประกอบการลงทุน :
- (+) ดาวโจนส์ปิดลบ 170.64 จุด กังวลเฟดเร่งขึ้นดอกเบี้ยดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดลบในวันพฤหัสบดี (6 ม.ค.) เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลว่าธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) อาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยความกังวลดังกล่าวได้ฉุดหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลงอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ดี การส่งสัญญาณปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดเป็นปัจจัยหนุนหุ้นกลุ่มธนาคารซึ่งเป็นธุรกิจที่ต้องพึ่งพาผลกำไรจากอัตราดอกเบี้ย ขณะที่หุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นหลังจากราคาน้ำมัน WTI พุ่งขึ้นทะลุระดับ 80 ดอลลาร์ ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดที่ 36,236.47 จุด ลดลง 170.64 จุด หรือ -0.47%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 4,696.05 จุด ลดลง 4.53 จุด หรือ -0.10% และดัชนี Nasdaq ปิดที่ 15,080.86 จุด ลดลง 19.31 จุด หรือ -0.13%
- 299,000,000 ราย พุ่งวันเดียวกว่า 3,000,000 รายWorldometerซึ่งเป็นเว็บไซต์รายงานข้อมูลล่าสุดที่มีการรวบรวมจากหน่วยงานด้านสาธารณสุขทั่วโลก ระบุว่า ยอดผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 สะสมทั่วโลกมีจำนวน 299,041,032 ราย เพิ่มขึ้นกว่า 3 ล้านรายจากที่มีการรายงานวานนี้ ส่วนผู้เสียชีวิตสะสมอยู่ที่ระดับ 5,485,356 ราย
- กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยในวันนี้ว่า ตัวเลขขาดดุลการค้าสหรัฐพุ่งขึ้น 19.4% สู่ระดับ 8.02 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนพ.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 7.71 หมื่นล้านดอลลาร์ จากระดับ 6.72 หมื่นล้านดอลลาร์ในเดือนต.ค. ก่อนหน้านี้ สหรัฐขาดดุลการค้ามากเป็นประวัติการณ์ในเดือนก.ย. โดยอยู่ที่ระดับ 8.14 หมื่นล้านดอลลาร์
- กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกเพิ่มขึ้น 7,000 ราย สู่ระดับ 207,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 195,000 ราย อย่างไรก็ดี ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรกต่ำกว่าระดับ 215,000 ราย ซึ่งเป็นค่าเฉลี่ยต่อสัปดาห์ในช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐ
- WHO ชี้ความเหลื่อมล้ำด้านวัคซีนกระทบเศรษฐกิจโลกนายแพทย์ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่ขององค์การอนามัยโลก (WHO) กล่าวว่า ความเหลื่อมล้ำในการกระจายวัคซีนไปทั่วโลกเป็นสาเหตุทำให้เกิดการกลายพันธุ์ของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ๆ เช่น โอมิครอน ซึ่งได้บั่นทอนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก”ความเหลื่อมล้ำของวัคซีนเป็นตัวการฆ่าคนและฆ่างาน รวมทั้งบ่อนทำลายการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก” นายแพทย์ทีโดรสกล่าวนายแพทย์ทีโดรสกล่าวว่า การที่ผู้นำของโลกไม่สามารถร่วมมือกันในการเพิ่มการแจกจ่ายวัคซีนให้แก่ชาติที่ยากจนและมีระบบสาธารณสุขที่ล้าหลัง ถือเป็นหนึ่งในความล้มเหลวที่ใหญ่ที่สุดในปี 2564ทั้งนี้ WHO ตั้งเป้าให้มีการฉีดวัคซีนให้แก่ประชากร 40% ของแต่ละประเทศทั่วโลกภายในสิ้นปี 2564 แต่ 92 ประเทศก็ไม่สามารถบรรลุเป้าดังกล่าว แม้มีการกระจายวัคซีนมากถึง 9 พันล้านโดสไปทั่วโลกนอกจากนี้ WHO ยังได้ตั้งเป้าให้มีการฉีดวัคซีนให้แก่ประชากร 70% ของแต่ละประเทศทั่วโลกภายในกลางปีนี้
- ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโรและปอนด์ ในการซื้อขายที่ตลาดปริวรรตเงินตรานิวยอร์กในวันพฤหัสบดี (6 ม.ค.) หลังจากรายงานการประชุมเดือนธ.ค.ของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ระบุว่า เฟดอาจจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ ขณะที่นักลงทุนจับตาตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนธ.ค.ของสหรัฐซึ่งมีกำหนดเปิดเผยในวันศุกร์นี้ ทั้งนี้ ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.16% แตะที่ 96.3169 เมื่อคืนนี้ดอลลาร์สหรัฐแข็งค่าเมื่อเทียบกับฟรังก์สวิส ที่ระดับ 0.9223 ฟรังก์ จากระดับ 0.9173 ฟรังก์ แต่อ่อนค่าเมื่อเทียบกับเงินเยน ที่ระดับ 115.93 เยน จากระดับ 116.13 เยน และอ่อนค่าเมื่อเทียบกับดอลลาร์แคนาดา ที่ระดับ 1.2728 ดอลลาร์แคนาดา จากระดับ 1.2755 ดอลลาร์แคนาดา ยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ที่ระดับ 1.1287 ดอลลาร์ จากระดับ 1.1312 ดอลลาร์ ขณะที่เงินปอนด์อ่อนค่าลงแตะที่ระดับ 1.3525 ดอลลาร์ จากระดับ 1.3560 ดอลลาร์ ส่วนดอลลาร์ออสเตรเลียอ่อนค่าลงสู่ระดับ 0.7165 ดอลลาร์สหรัฐ จากระดับ 0.7223 ดอลลาร์สหรัฐ
- กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า คำสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐพุ่งขึ้น 1.6% ในเดือนพ.ย. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้น 1.5% หลังจากดีดตัวขึ้น 1.2% ในเดือนต.ค. เมื่อเทียบรายปี ยอดสั่งซื้อภาคโรงงานทะยานขึ้น 12.9% ในเดือนพ.ย.
โดย : บริษัท เอ็มทีเอส โกลด์ จำกัด (MTS)
ทิศทางราคาทองคำ
ราคาทองคำปรับตัวลดลงต่อเนื่องหลุดระดับ 1,800 เหรียญ ลงมา หลังจากเฟดแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับการปรับขึ้นดอกเบี้ยให้เร็วขึ้นในช่วงเดือนมี.ค. และจะปรับขึ้นดอกเบี้ยสามครั้งภายในปีนี้ ประเด็นดังกล่าว ส่งผลให้ราคาทองคำถูกกดดัน และถูกแรงเทขายอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่ภาพรวมตัวเลขเศรษฐกิจของสหรัฐฯ อ่อนตัวลงมาบ้างเล็กน้อย ทำให้บางช่วงดัชนีดอลลาร์อ่อนตัวลงมา แต่สามารถดีดกลับขึ้นมาเหนือ 96 จุดได้ โดยเช้านี้ดัชนีดอลลาร์อยู่ที่บริเวณ 96.21 จุด ด้านค่าเงินบาทปรับตัวค่อนข้างอ่อนค่าต่อเนื่อง หลังจากเมื่อวานนี้ค่าเงินบาทอยู่ที่ 33.30 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่เช้านี้ค่าเงินบาททะลุ 33.50 บาท/ดอลลาร์ ขึ้นมาที่ระดับ 33.58 บาท/ดอลลาร์ สำหรับวันนี้มีตัวเลขเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ได้แก่ Non-Farm Employment Change คาดการณ์ว่าดีกว่าเดิม ซึ่งหากตัวเลขออกมาดีขึ้น อาจจะกดดันทำให้ราคาทองคำร่วงลงต่อเนื่องได้ ในส่วนของกองทุนทองคำ SPDR เมื่อวานนี้ขายออก 1.17 ตัน ปัจจุบันถือครองที่ 978.82 ตัน
วิเคราะห์ราคาทองคำทางเทคนิค
ราคาทองคำลงมาทดสอบแนวรับด้านล่างอีกครั้งที่บริเวณ 1,790 เหรียญ หากราคาทองคำหลุด 1,785 เหรียญ ราคาทองคำอาจจะเข้าสู่ทิศทางขาลงได้ ขณะที่ภาพรวมราคาทองคำถูกกดดันจากการขึ้นดอกเบี้ยของเฟด แม้ Consumer Price Index หรืออัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเดือนธันวาคม 64 จะเพิ่มขึ้นก็ตาม สำหรับกลยุทธ์ในวันนี้การลงทุนยังเป็นลักษณะ Sideways แนะนำนักลงทุนจะต้องมีการบริหารความเสี่ยงให้ดี สำหรับ Gold Comex และ Gold Online Futures คาดจะมีกรอบแนวรับ 1,785 เหรียญ และแนวต้าน 1,810 เหรียญ ด้านราคาทองคำไทยจะมีการปรับลดลงประมาณ 50 บาท/บาททองคำ
กลยุทธ์การลงทุนในวันนี้
ราคาทองคำหลุดระดับ 1,800 เหรียญ ลงมา ภาพรวมยังอยู่ในทิศทาง Sideways แต่หากยังลงต่อเนื่องหลุดกรอบแนวนับ 1,785 เหรียญ ทิศทางจะเปลี่ยนกลับเป็นแนวโน้มขาลง
– นักลงทุนที่ถือ Long Position
หาจังหวะลดสถานะลงบางส่วนเมื่อราคามีจังหวะราวน์ หากราคาหลุดกรอบแนวรับบริเวณ 1,785 เหรียญ อาจจะต้องมีการ Stop Loss ออกบ้าง
– นักลงทุนที่ถือ Short Position
ปิดทำกำไรตามจังหวะเมื่อราคาลงทดสอบแนวรับ หากราคาหลุดกรอบแนวรับบริเวณ 1,785 เหรียญ ยังอยู่ในทิศทางการถือสถานะทำกำไร
Gold Futures ขนาด 10 บาท G22 จะมีแนวรับที่ระดับ 28,400 บาท และแนวต้านที่ระดับ 28,700บาท
ที่มา : gold.in.th 7 ม.ค. 65
Comments are closed, but trackbacks and pingbacks are open.